ประเด็นร้อน
29 มิถุนายน 2563 | 10:25
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่า สถิติเชิงปริมาณเพื่อหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนหุ้นปันผลย้อนหลัง 5 ปี พบว่า หากซื้อหุ้นปันผลก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ประมาณ 2 เดือน และขายทำกำไรในวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD มีโอกาสให้ผลตอบแทนระดับ 3-4% และมีโอกาสที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่า 80% โดยเลือกหุ้นกลุ่มที่มีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ทั้งปีมากกว่า 4% ขึ้นไป ซึ่งสามารถคาดหวังผลตอบแทน 2 ต่อ ทั้งราคาหุ้นและเงินปันผล
ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยสถิติผลตอบแทนของหุ้นในดัชนี SET 100 ช่วงปันผล ตั้งแต่ปี 2551 ช่วงก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ประมาณ 1 เดือน หุ้นจะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 3.45% โดยการลงทุนในช่วงนี้มี 2 ลักษณะด้วยกัน คือ ซื้อเพื่อการเก็งกำไร ให้เลือกหุ้นที่มี Dividend Yield สูง แนวโน้มทั้งปีมากกว่า 3-4% ส่วนหากจะซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาว ต้องเลือกหุ้นที่มีราคาไม่แพง, กำไรมีแนวโน้มเติบโต และความผันผวนต่ำ
ขณะที่ "วิจิตร อารยะพิศิษฐ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) เผยว่า หุ้นปันผลจะได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากเม็ดเงินกลุ่มกองทุนหุ้นปันผล (High Yield Fund) ที่จำเป็นต้องปรับน้ำหนักการลงทุนจากหุ้นกลุ่ม "ธนาคารพาณิชย์" หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์งดปันผลระหว่างกาล โดยคาดว่าเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวจะย้ายไปเข้าหุ้นปันผลสูงในกลุ่มอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับกลุ่มธนาคาร
ทั้งนี้ ปกติธนาคารพาณิชย์ที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีกรุงศรีอยุธยา (BAY), ธนาคารกรุงเทพ (BBL), ธนาคารกสิกรไทย (KBANK), เกียรตินาคิน (KKP) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งคาดว่าเงินปันผลระหว่างกาลที่จะหายไปรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 1.43 หมื่นล้านบาท
ด้าน "อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล" ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ แนะนำ เลือกหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและสื่อสาร เนื่องจากมีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลดี ธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด
ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" รวบรวมหุ้นปันผลระหว่างกาลที่นักวิเคราะห์แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวโน้มอัตราการจ่ายผลปี 63 มากกว่า 3.5% ขึ้นไป พบว่ามี 10 บริษัท ได้แก่
ชื่อย่อหุ้น
% Div.Yield ปี 63*
TVO
6.6
LH
QH
6.3
SCCC
6.2
TTW
4.8
EASTW
4.5
INTUCH
4.2
RATCH
4
ADVANC
3.6
SCC
% Div.Yield เป็นค่าเฉลี่ยจาก IAA Consensus ณ 26 มิ.ย.63
บมจ.น้ำมันพืชไทย (TVO) มีคาดการณ์แนวโน้มเงินปันผลปี 63 สูงสุดเฉลี่ย 6.6% จาก IAA Consensus ณ 26 มิ.ย.63 โดยบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า กำไรสุทธิปี 63 จะเติบโตถึง 25% จากปีก่อน โดยได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าทั้งน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลงวดปี 63 ที่ 1.74 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.45 บาทต่อหุ้น
เช่นเดียวกับ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ที่ IAA Consensus คาดอัตราเงินปันผลตอบแทนปี 63 เฉลี่ย 6.6% บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า แม้ธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 บ้าง แต่ LH เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอันดับ 1 โครงการแนวราบ ขณะที่งบดุลแข็งแกร่ง มีหนี้สินต่ำ สภาพคล่องทางการเงินสูง ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงถึง 86% ของกำไรสุทธิ โดยคาดจ่ายเงินปันผลงวดปี 63 ที่ 0.50 บาท (จ่ายระหว่างกาล 0.20 บาท)
ทั้งนี้ พบว่า 6 จาก 10 บริษัท มีอัพไซด์จากราคาเหมาะสมเฉลี่ยของ IAA Consensus มากกว่า 15% ประกอบด้วย
ราคาเหมาะสม (บ.)
ราคา 26 มิ.ย.63 (บ.)
%upside
13.48
10.2
32
159
130
22
220
186
18
72.86
62.25
17
30.15
26
16
8.82
7.65
15
บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) มีอัพไซด์สูงสุดที่ 32% โดยราคาเฉลี่ยเหมาะสมอยู่ที่ 13.48 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดอยู่ที่ 10.2 บาท โดยคาดการณ์อัตราการเงินปันผลตอบแทนปี 63 ที่ 4.5% โดยบทวิเคราะห์ บล.เอเซี่ย พลัส คาดกำไรสุทธิปี 63 เติบโต 7.6% อยู่ที่ 1,148 ล้านบาท
ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ
RECOMMENDED NEWS
Let's block ads! (Why?)
No comments:
Post a Comment