Pages

Thursday, August 13, 2020

เปิดเส้นทางใหม่ "โค้ชหมี" กับขวบปีแรก ในฟุตซอลลีกแดนอิเหนา - ไทยรัฐ

tombolsakti.blogspot.com

ถึงแม้จะมีดีกรีความสำเร็จในเมืองไทย ที่พกข้ามน้ำข้ามทะเลไปเต็มกระเป๋า แต่สิ่งที่ “โค้ชหมี” เจอแล้วถึงกับช็อก ก็คือขุนพลหลักระดับทีมชาติ ย้ายออกไปเกือบหมด ทำให้กุนซือชาวไทยรายนี้ ต้องเริ่มตั้งต้นใหม่กับเด็กท้องถิ่น

“ตอนแรกที่มาบอกเลยว่าค่อนข้างช็อก เพราะตัวทีมชาติอินโดนีเซียย้ายออกไปประมาณ 80 เปอร์เซนต์ ส่วนตัวที่เข้ามาแทนคือนักเตะท้องถิ่นจากเมืองปาปัว ซึ่งคุณภาพและระบบต่างๆ ว่ากันตามตรงก็สู้นักเตะระดับทีมชาติไม่ได้อยู่แล้ว”

“ทำให้ตอนนั้น เรื่องจะเป็นแชมป์หรือไม่ เขาไม่ได้กดดันเราเท่าไหร่ ขอแค่เราเข้าไปพัฒนานักเตะท้องถิ่นให้ดีขึ้น ซึ่งผลงานที่ทำมาตลอดฤดูกาล ก็ค่อนข้างสร้างความพอใจให้กับผู้บริหาร และแฟนบอลเองก็เซอร์ไพรส์ เพราะเราทำทีมแบล็กสตีล ซึ่งใช้นักเตะท้องถิ่นส่วนใหญ่ ให้ขึ้นมาเป็นทีมชั้นแนวหน้าของประเทศได้ ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว”

“จริง ๆ ก่อนจะมาที่นี่ ก็มีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเอาไว้พอสมควร แต่ว่าที่เรามาตอนแรก เพื่อนโค้ชชาวอินโดนีเซียที่รู้จักกัน เขาก็บอกว่าเรามาทำไม เพราะตอนนี้แบล็กสตีลไม่ดีเหมือนเดิมแล้ว”

“แต่ที่เราได้เจอกับตัวแล้วรู้สึกเซอร์ไพรส์คือ เด็กท้องถิ่นเขามีพัฒนาการเร็วมาก เวลาซ้อมเขามีความตั้งใจ ไม่คิดเลยว่าเวลาแค่ปีเดียว เขาพัฒนาได้ขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจกับผลงานตัวเอง และประทับใจกับลูกทีมทุกคน”

ถึงแม้จะเริ่มต้นได้ดี แต่น่าเสียดายที่ซีซั่นนี้ยังไม่จบ ก็มีปัญหาใหญ่มาขัดขวางทางสู่แชมป์ซะก่อน เมื่อโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก และอินโดนีเซียเอง ก็เป็นหนึ่งในชาติได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก

“ตอนแรกปัญหาที่คิดว่าจะเจอคือเรื่องภาษา เพราะโดยส่วนตัวภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่โชคดีที่ผู้ช่วยโค้ชซึ่งเป็นชาวอินโดนีเซีย เขาเป็นคนที่ปรับจูนกับเราได้ค่อนข้างเร็ว อีกอย่างฟุตซอลก็เป็นภาษาสากลอยู่แล้ว ทำให้การปรับตัวค่อนข้างง่าย”

“แต่ปัญหาใหญ่ที่เจอจริง ๆ คือ ตอนที่มีโควิด-19 แพร่ระบาดเข้ามาในอินโดนีเซีย ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แถมยังเป็นอันตรายกับชีวิตด้วย ทำให้เราต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถึงเป็นปัญหาใหญ่สุดที่เคยเจอมา”

เมื่อถามถึงความต่างและระยะห่างระหว่าง ไทย กับ อินโดนีเซีย ในปัจจุบัน “โค้ชหมี” รักษ์พล สายเนตรงาม ยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า ถึงช่องว่างจะค่อนข้างกว้าง แต่เราเองก็ไม่สามารถวางใจได้ เพราะถ้าทัพ “รันตูบอย” สามารถยกระดับแท็กติกของทีมขึ้นมาได้เมื่อไหร่ จะกลายเป็นทีมที่อันตรายขึ้นมาในทันที

“ระยะห่างระหว่าง ไทย กับ อินโดนีเซีย ในตอนนี้ ถ้านับแค่เรื่องความสามารถเฉพาะตัว เราอาจเหนือกว่าเขาอยู่เล็กน้อย แต่ในเรื่องของแท็กติกฟุตซอล เขายังสู้เราไม่ได้ ส่วนเรื่องระยะห่างระหว่างไทยกับอินโดฯ ก็ยังถือว่ายังมีช่วงว่างอยู่ระดับหนึ่ง”

“แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่สามารถประมาทเขาได้เลย เพราะตอนนี้ทีมชาติอินโดนีเซียมีโค้ชญี่ปุ่นเข้ามา (เคนซูเกะ ทากาฮาชิ) ช่วยให้ทีมพัฒนามากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผมมองว่าถ้าเขามีแท็กติกที่ดีขึ้น บวกกับความสามารถเฉพาะตัวที่ดีอยู่แล้ว ก็จะเป็นทีมที่อันตรายในอาเซียนได้ในอนาคต”.

ผู้เขียน : สุภาพบุรุษพุงตึง

กราฟฟิก : Supassara Taiyansuwan

ภาพ : Black Steel FC Manokwari , PTT Bluewave Chonburi Futsal Club

Let's block ads! (Why?)



"เปิด" - Google News
August 14, 2020 at 06:25AM
https://ift.tt/2PSPkno

เปิดเส้นทางใหม่ "โค้ชหมี" กับขวบปีแรก ในฟุตซอลลีกแดนอิเหนา - ไทยรัฐ
"เปิด" - Google News
https://ift.tt/3cla53G

No comments:

Post a Comment